นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

 บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) “บริษัท” ดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ ยึดหลักธรรมาภิบาล และตระหนักถึงการได้รับความไว้วางใจจากท่านที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ ของบริษัท โดยบริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งถึงสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่านและความรับผิดชอบของบริษัทกับท่าน จึงจัดทำนโยบายฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ หลักเกณฑ์และรายละเอียดในการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย การโอน และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้ท่านได้ทราบ ตลอดจนวิธีการเข้าถึง การนำออกใช้ แก้ไข การจัดเก็บรักษาข้อมูลและวิธีการใช้สิทธิดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ดังนั้น บริษัทจึงขอให้ท่านศึกษานโยบายฉบับนี้ เพื่อจะได้ทราบและเข้าใจถึงสิทธิต่างๆ ที่มีเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้หรือมีอยู่กับบริษัท ก่อนให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ดี นโยบายฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าในเวลาใดก็ตาม ฉะนั้น ท่านควรกลับเข้ามาอ่านนโยบายนี้เป็นครั้งคราว หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้อย่างมีนัยสำคัญ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบทันที

  1. บทนิยาม

“บริษัท” หมายถึง บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ผู้เอาประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ ผู้สมัครใช้บริการผ่านทุกช่องทางของบริษัททั้งเพื่อตนเองและในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้มีอำนาจปกครอง ของผู้เอาประกันภัย หรือผู้ขอเอาประกันภัย (แล้วแต่กรณี) กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามสิทธิประโยชน์ของบริษัทตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน นายหน้าประกันภัย ผู้แนะนำการลงทุน และบุคคลธรรมดาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง มีการติดต่อ การขอสมัครต่าง ๆ มีนิติสัมพันธ์ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทหรือบุคลากร เจ้าหน้าที่หรือตัวแทนของบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ อาทิ ชื่อ นามสกุล เพศ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา อายุ วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน / หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต / เดบิต ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลสุขภาพ และ/หรือข้อมูลอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 26 พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราว ๆ กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอื่น รวมถึงข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติ อาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงานข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน

“ข้อมูลสาธารณะ” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เปิดเผยต่อสาธารณชน เช่น ข้อมูล โปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์ เมื่อมีการใช้ข้อมูลและรหัสการเข้าระบบของสื่อสังคมออนไลน์ (social media credential) เช่น Facebook Twitter และ Line เพื่อเชื่อมต่อหรือเข้าสู่บริการใด ๆ ของบริษัท เช่น บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ (SocialMedia Account ID) สิ่งที่สนใจ (interests) รายการที่ชอบ (likes) และรายชื่อเพื่อนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถควบคุมการจัดเก็บความเป็นส่วนตัวนี้ผ่านการตั้งค่าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่จัดทำ ไว้ให้โดยผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว

IP Address” หมายถึง สัญลักษณ์เชิงหมายเลขที่กำหนดให้แก่อุปกรณ์แต่ละชนิด เช่น คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์ ที่มีส่วนร่วมอยู่ในเครือข่าคอมพิวเตอร์หนึ่ง ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการสื่อสาร

“แอปพลิเคชั่น” หมายถึง โปรแกรม หรือชุดคำสั่งที่ใช้ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เพื่อให้ทำงานตามคำสั่งและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ โดยแอปพลิเคชัน (Application) ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface หรือ UI) เพื่อเป็นตัวกลางการใช้งาน หากคุณกำลังมองหาสร้อยข้อมือ มีบางสิ่งที่เหมาะกับทุกลุค ตั้งแต่การโอบรับร่างกายไปจนถึงแบบมีโครงสร้าง ตั้งแต่ข้อมือไปจนถึงสร้อยข้อมือและข้อมือแบบโซ่โซ่
ต่าง ๆ

“คุกกี้ (cookies)” หมายถึง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (text file) ที่จะบันทึกลงบนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่านเมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ คุกกี้จะจดจำข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน

  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    2.1 เพื่อเสนอขาย ขาย จัดให้ บริหารจัดการ ดำเนินการ ปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการ และจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของบริษัทกับท่าน2.2 เพื่อดำเนินการตามสัญญาประกันชีวิต โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการการทำสัญญาประกันชีวิต ตามขั้นตอนกระบวนการเกี่ยวกับการจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ การสืบสวน วิเคราะห์ ประมวลผล      การเวนคืนกรมธรรม์ และการจ่ายค่าสินไหมทดแทน รวมถึงการจ่ายผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ภายใต้กรมธรรม์ของท่าน การต่ออายุ การแก้ไข การยกเลิกกรมธรรม์ฯ ตลอดจนถึงการใช้สิทธิใด ๆ ภายใต้กรมธรรม์ของท่าน

    2.3 เพื่อดำเนินการตามคำขอใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ ของท่านกับบริษัท

    2.4 เพื่อบริหารจัดการกรมธรรม์ประกันชีวิต และกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุนของท่านที่มีไว้กับบริษัท รวมถึงการใช้สิทธิใดๆ ภายใต้กรมธรรม์ของเจ้าของข้อมูล ซึ่งรวมถึงสิทธิในการรับช่วงสิทธิ (หากมี)2.5 เพื่อการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด

    2.6 เพื่อปฏิบัติตามขั้นตอน กระบวนการจัดการ ทำให้แล้วสำเร็จ และทำให้เกิดผลซึ่งข้อร้องขอ ตามสัญญาและตามเงื่อนไขการให้บริการของบริษัท

    2.7 เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ของบริษัท หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ของบริษัท

    2.8 เพื่อการประกันภัยต่อของบริษัทกับท่าน

    2.9 เพื่อการติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการ เพื่อให้การดูแลลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    2.10 เพื่อศึกษาความต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการตลาด การวิจัยตลาด การวิเคราะห์ข้อมูล และการคำนวณทางคณิตศาสตร์ประกันภัยการรายงานหรือการประเมินผลทางการเงิน รวมถึงการมีส่วนร่วมทางการตลาด

    2.11 เพื่อการสืบสวนหรือป้องกันการกระทำที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง และการกระทำผิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดจริงหรือการกระทำที่สงสัยว่าจะเป็นการกระทำผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการติดต่อสื่อสารกับบริษัทต่างๆ ในธุรกิจบริการทางการเงินและการประกัน ตลอดจนเพื่อการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ

    2.12 เพื่อการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัทฯ และ การทำธุรกรรมของบริษัทฯ

    2.13 เพื่อให้เจ้าของข้อมูลสามารถเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์หนึ่งๆ เป็นการเฉพาะ รวมถึงการติดตามพฤติกรรมของเจ้าของข้อมูลเช่น พฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ การทำการวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเจ้าของข้อมูล และการทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานที่เจ้าของข้อมูลชอบ เพื่อจัดทำให้เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้นเหมาะสมกับเจ้าของข้อมูลโดยเฉพาะ เพื่อดำเนินการ หรือประเมิน และปรับปรุงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้น หรือผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ การแก้ไขปัญหาต่างๆ การแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง และการจัดโฆษณาบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และช่องทางอื่นๆ ตามกลุ่มเป้าหมาย

    2.14 เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท

    2.15 เพื่อบริหารจัดการการตลาดดิจิทัลและการส่งเสริมการขาย

    2.16 เพื่อสมัครงาน และ/หรือสมัครเป็นตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต คู่ค้าทางธุรกิจ ทางเว็บไซด์ของบริษัท และช่องทางอื่นของบริษัท

เว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับจะอนุญาตให้กระทำเป็นอย่างอื่น บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลใหม่ หากประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

บริษัทอาจเก็บรวบรวมหรือถือครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านเลือกใช้หรือความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัท

      3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นการทั่วไป เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง วันเดือนปีเกิด อายุ เพศ อาชีพ สถานภาพทางการสมรส รูปถ่าย ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์บ้าน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล รายละเอียดข้อมูลติดต่ออื่นๆ และเสียงบันทึกการสนทนา

(2) ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน เช่น เงินเดือน ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน ประวัติเกี่ยวกับการทำงานของท่าน ซึ่งอาจรวมถึงชื่อและที่อยู่ของนายจ้างของท่าน

(3) ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลเกี่ยวกับภาษี รายละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร รายละเอียดเกี่ยวกับเงินกู้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน รายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิต และรายละเอียดหรือข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินอื่น ๆ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับท่านในเรื่องเครดิต ความน่าเชื่อถือทางการเงิน

(4) รายละเอียดผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการต่าง ๆ ได้แก่ รายละเอียดผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่าง ๆ ที่ท่านเคยซื้อจากบริษัท หรือผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยอื่น ๆ เช่น หมายเลขกรมธรรม์ จำนวนเงินเอาประกัน การเปลี่ยนแปลง / การทำธุรกรรมเกี่ยวกับกรมธรรม์ วิธีการจ่ายเบี้ยประกันภัย ประวัติการชำระเบี้ยประกันภัย หรือประวัติเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน ผู้รับประโยชน์ การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน รวมถึงการใช้สิทธิต่าง ๆ ภายใต้กรมธรรม์ หรือผลิตภัณฑ์ หรือบริการอื่น ๆ ของเรา หรือผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยรายอื่น ๆ

(5) สถานะทางกฎหมาย เช่น สถานะเกี่ยวกับการฟอกเงิน สถานะเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงิน แก่การก่อการร้ายฯ สถานะล้มละลาย สถานะตามกฎหมายสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการป้องกันมิให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีสถานะเป็นบุคคลอเมริกันหลีกเลี่ยงภาษี (Foreign Account Tax Compliance Act : FATCA)

(6) ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการที่ท่านใช้เว็บไซด์บริษัท หรือแอปพลิเคชั่นของบริษัท รวมถึง IP Address คุกกี้ (cookies) และข้อมูลอุปกรณ์

      3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ได้แก่ ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ เพื่อการซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท โดยข้อมูลดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการพิจารณารับประกันภัย ตลอดจนการให้บริการและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน

นอกจากนี้ บริษัทอาจเก็บรวบรวมและถือครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ของท่านเพิ่มเติม ได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ พฤติกรรมทางเพศ ความคิดเห็นทางการเมืองและการเป็นสมาชิกองค์กรทางการเมือง ประวัติอาชญากรรมและการดำเนินคดี ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา ข้อมูลเกี่ยวกับพันธุกรรม และข้อมูลอัตลักษณ์ทางชีวภาพ (biometric) ข้อมูลสหภาพแรงงาน หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อลูกค้าในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม หากท่านไม่ให้หรือไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลบางประการ หรือไม่ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น เพื่อให้บริษัทสร้างความสัมพันธ์ หรือให้บริการ และ/หรือจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริหารที่เหมาะสมแก่ท่านได้ บริษัทอาจปฏิเสธสามารถสร้างความสัมพันธ์หรือทำธุรกรรม หรือทำสัญญากับท่านได้ หรือปฏิบัติภาระหน้าที่ของบริษัทที่มีต่อท่านได้

  1. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก 2 ช่องทาง ดังนี้

(1) บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง ตามขั้นตอนการใช้ และ/หรือให้บริการ ดังนี้

(ก) การสมัครใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของท่านกับบริษัท

(ข) การยื่นคำร้องของใช้สิทธิต่างๆ ของท่านกับบริษัท

(ค) ช่องทางการติดต่อสื่อสารต่างๆ ระหว่างบริษัทกับท่าน

(ง) การร่วมกิจกรรมของท่านกับบริษัท

(จ) ข้อมูลการใช้เว็บไซด์ของบริษัทผ่าน browser’s cookies หรือแอปพลิเคชั่นของบริษัทกับท่าน

(ฉ) การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หรือทำธุรกรรม หรือทำสัญญากับบริษัท

(ช) การสำรวจความพึงพอใจ การให้บริการหลังการขาย

(2) บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นหรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้าโดยตรง ดังต่อไปนี้

(ก) ตัวแทนประกันชีวิต ผู้บริหารงานขายประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต

(ข) ผู้แนะนำการลงทุน ที่ปรึกษาทางการเงิน

(ค) คู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท

(ง) บริษัทประกันภัย หรือบริษัทประกันชีวิตที่มีฐานะเป็นคู่สัญญากับบริษัท

(จ) บริษัทในเครือหรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน

(ฉ) หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานกำกับดูแล ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมาย

  1. การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท อาจจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด และจำเป็นตามวัตถุประสงค์ โดยวิธีต่อไปนี้

(1) เมื่อท่านแสดงเจตนาจะซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท และ/หรือเมื่อท่านเข้าถึงหรือใช้เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น และ/หรือบริการต่าง ๆ ทางออนไลน์ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือทางโทรศัพท์ หรือบริการอื่น ๆ ของบริษัท

(2) เมื่อท่านส่งใบคำขอเอาประกันและเกสารหลักฐานประกอบการขอเอาประกันเพื่อซื้อหรือใช้ หรือเมื่อท่านให้ข้อมูลขณะที่จะซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงการส่งแบบฟอร์มและเอกสารเกี่ยวกับการขอรับบริการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท

(3) เมื่อได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลที่เป็นสาธารณะผู้ให้บริการข้อมูล (Data Providers)

(4) เมื่อท่านติดต่อสื่อสารกับบริษัท ไม่ว่าจะสื่อสารเป็นหนังสือหรือด้วยวาจา

(5) เมื่อท่านส่งคำร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อหรือบริการที่ท่านใช้หรือคำร้องขออื่นใดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อหรือบริการที่ท่านใช้

(6) เมื่อท่านติดต่อกับบุคลากร ตัวแทนประกันชีวิต ผู้บริหารงานขายตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต คู่ค้าของบริษัท ผู้ให้บริการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับบริษัท

(7) เมื่อท่านติดต่อบริษัทผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง ข้อความสั้น (SMS) โทรสาร ไปรษณีย์ หรือโดยวิธีการอื่นใดของบริษัท

(8) เมื่อได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทที่ท่านซื้อหรือใช้บริการ

(9) เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคลากรและคู่ค้าของบริษัท

(10) เมื่อท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทเพื่อขอเข้าร่วมในกิจกรรมทางการตลาด งานอีเว้นท์ การจับฉลากชิงโชค ที่จัดขึ้นโดยบริษัท

(11) เมื่อได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่าน ได้แก่ โรงพยาบาล แพทย์ แหล่งข้อมูลทางการแพทย์ สถานบริการสาธารณสุข บุคลากรผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข ผู้ประกอบธุรกิจประกันชีวิต สมาคมประกันชีวิต

  1. การขอความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Consent)

ในกรณีที่บริษัทต้องขอความยินยอม ในการเก็บรวมรบวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล  บริษัทพิจารณากำหนดวิธีการขอความยินยอมที่เหมาะสมกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในการขอความยินยอมตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทอาจดำเนินการตามแนวทางดังต่อไปนี้

(1) การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ให้ทำโดยชัดเเจ้งเป็นหนังสือหรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมด้วยวิธีการดังกล่าวก็อาจขอความยินยอมด้วยวิธีการอื่นได้ เช่น การขอความยินยอมผ่านทางโทรศัพท์ในการเสนอขายและแนะนำผลิตภัณฑ์ทางโทรศัพท์ (telesales) หรือการให้บริการหลังการขาย ทั้งนี้ บริษัทจะบันทึกเสียงที่ลูกค้าให้ความยินยอมในการเก็บรวมรวบ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นหลักฐานการให้ความยินยอม โดยเก็บรักษาตามระยะเวลาที่มีการอาศัยความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และอาจเก็บรักษาไว้เป็นระยะเวลานานกว่านั้น

(2) การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์หรือผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลไร้ความสามารถ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

(3) ในกรณีลูกค้าเป็นผู้เอาประกันภัยซึ่งมีกรมธรรม์ประกันภัยหลายฉบับ ให้พิจารณาว่าควรขอความยินยอมแยกเป็นรายกรมธรรม์ประกันภัย โดยพิจรณาจากวัตุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับธรรม์ประกันภัยฉบับอื่นหรือไม่ เช่น ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีกรมธรรม์ประกันภัยหลายฉบับ โดยอาจมีทั้งกรมธรรม์ประกันภชีวิต กรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพ และกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ และบริษัท มีวัตถุประสงค์ที่ต้องการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมุลส่วนบุคคลเกี่ยวเนื่องกับทุกกรมธรรม์ประกันภัย เช่น วัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดแบบตรงของบริษัท ในกรณีดังกล่าวบริษัทอาจขอความยินยอม สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาดแบบตรงของบริษัทไปได้ในการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยฉบับแรกครั้งเดียวโดยไม่จำเป็นต้องขอความยินยอมสำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าวในการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยฉบับอื่นๆ อีกเนื่องจากความยินยอมที่ได้ขอไว้นั้นครอบคลุมการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทแล้ว เป็นต้น

(4) การที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มุ่งหวัง (prospect) จากบุคคลอื่นที่บริษัทไม่มีนิติสัมพันธ์ด้วยมาก่อนเพื่อเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัท ในการนี้ บริษัทต้องขอความยินยอมอีกครั้งหรือให้บุคคลอื่นที่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบริษัทนั้น ขอความยินยอมให้บริษัทตั้งแต่ต้น โดยให้บริษัทอื่นที่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเก็บรักษาเอกสารขอความยินยอมนั้นไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งบริษัทสามารถร้องขอได้หากเกิดข้อร้องเรียนในอนาคต

(5) ในกรณีที่ลูกค้าเป็นผู้เอาประกันภัยที่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องแก่บริษัท เช่น คู่สมรส ผู้ชำระเบี้ยประกันภัย ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย หรือบุคคลในรอบครัว บริษัทอาจกำหนดเงื่อนไขในใบคำขอเอาประกันภัย กรมธรร์ประกันภัย หรือเอกสารอื่นใดให้ผู้เอาประกันภัยให้คำรับรอง (representation and warranty) ว่าได้แจ้งนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และหากบริษัท  เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องอาศัยความยินยอมอาจจัดให้ผู้เอาประกันภัยให้คำรับรอง (representation warranty) ว่าได้รับความยินยอมจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเหล่านั้นแล้วเพื่อให้บริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องอาศัยความยินยอมได้

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลต่างๆ ตามที่ระบุด้านล่างนี้ โดยบริษัทจะดำเนินการใดๆ ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ดังต่อไปนี้

(1) ตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต ผู้บริหารงานขายประกันชีวิต ผู้แนะนำการลงทุน ที่ปรึกษาทางการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ

(2) ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่ม

(3) บริษัทประกันต่อ บริษัทจัดการการลงทุน สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ธนาคาร สถาบันการเงิน

(4) บุคลากรของบริษัท ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับการจัดการต่างๆ หรือการให้บริการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ บริการเกี่ยวกับการชำระเงิน บริการคลาวด์ บริการเก็บบันทึกข้อมูล การดำเนินงานเกี่ยวกับเอกสาร การรับ-ส่งพัสดุโดยพนักงานรับส่งพัสดุ การตลาด หรือบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท  หรือการจัดการต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทให้แก่ท่าน

(5) ผู้ประกอบธุรกิจประกันชีวิตรายอื่น ๆ

(6) สมาคมประกันชีวิต

(7) หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล หรือบุคคลอื่นใดในประเทศที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลให้

(8) ผู้ให้คำปรึกษาของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น ทนายความ แพทย์ ผู้ตรวจสอบบัญชีหรือที่ปรึกษา

(9) บุคคลหรือหน่วยงานใดๆ ที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  1. การโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ

นโยบายฉบับนี้มีผลใช้บังคับกับบริษัทและบริษัทในเครือหรือบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน รวมถึงบุคคลภายนอกที่กระทำการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ข้อตกลงและ/หรือสัญญากับบริษัท ดังนั้น ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกโอนไป หรือถูกจัดเก็บไว้ หรือประมวลผลโดยบริษัทหรืออาจถูกส่งให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานใดๆ ตามข้อ 7  ซึ่งอาจมีที่ตั้งหรืออาจให้บริการอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ

ดังนั้น ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจจะถูกโอนไปยังบุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงาน หรือสถานที่ต่างๆ ตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยหากเป็นการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างบริษัทในเครือหรือกลุ่มธุรกิจเดียวกัน เราจะดำเนินการตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทในเครือหรือกลุ่มธุรกิจเดียวกันที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ (หากมี)

  1. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้

(1) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลและสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บไว้ และสิทธิในการแจ้งให้เปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูล

(2) สิทธิในการเพิกถอน หรือร้องขอให้เปลี่ยนแปลงขอบเขตความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัท

(3) สิทธิในจำกัด การระงับ หรือการคัดค้าน การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(4) สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคล และ/หรือ องค์กรอื่น รวมถึงสิทธิในการขอดูการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(5) สิทธิในการเพิกถอนการให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ไว้กับบริษัท

(6) สิทธิในการตรวจสอบว่าเรามีข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ เกี่ยวกับท่านหรือไม่ ตลอดจนสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(7) สิทธิในการขอให้ทำการแก้ไข ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(8) สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ในการใช้สิทธิท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดการติดต่อของบริษัทที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านดำเนินการร้องขอใช้สิทธิ บริษัทจะให้ท่านดำเนินการยืนยันตัวตน (หากจำเป็น) และช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบคำขอของท่าน และบริษัทคาดว่าจะสามารถตอบกลับตามคำขอของท่านได้ภายใน 30 วันทำการ หลังจากได้รับคำขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน ตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับ จะอนุญาต นอกจากนี้ ท่านมีสิทธิที่จะเสนอข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามขั้นตอนที่กำหนดใน พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต และบริษัทมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน

10. การเพิกถอนความยินยอม

(1) บริษัทมีการจัดให้ลูกค้าสามารถขอถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตาม ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยลูกค้าจะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ และกระทำได้โดยง่ายเช่นเดียวกับการให้ความยิมยอม เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ลูกค้า ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เช่น ลูกค้าจสามารถขอถอนความยินยอมได้ผ่านช่องทางเดียวกันกับที่ใช้ในการให้ความยินยอม โดยไม่ได้มีขั้นตอนเพิ่มเติมที่กำหนดขึ้นเป็นอุปสรรคแก่การขอถอนความยินยอมเช่นว่านั้น และบริษัทจัดให้มีระบบการบันทึกการถอนความยินยอมดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย

(2) ท่านสามารถใช้สิทธิเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ หากการใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนหน้านั้น และบริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตราบเท่าที่จำเป็นตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือตามกฎหมายอื่นให้อำนาจกระทำการได้

อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิเพิกถอนความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอาจส่งผลกระทบต่อท่านเกี่ยวกับการพิจารณารับประกันภัย หรือการให้บริการผู้ถือกรมธรรม์ หรือการจ่ายเงินตามกรมธรรม์ หรือการให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย และส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาประกันภัย และ/หรือสัญญาในการเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมได้ ตลอดจนการสอบใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิต การทำสัญญาจ้างงาน การทำสัญญาแต่งตั้งตัวแทนประกันชีวิต การทำสัญญาผู้บริหารงานขายประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต หรือสัญญาแต่งตั้งผู้แนะนำการลงทุน

11. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

(1) บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตราบเท่าที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของท่าน

(2) บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่สิ้นสุดความสัมพันธ์ หรืออาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าที่กำหนด หากกฎหมายอนุญาตและจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม

(3) บริษัทจะทำการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวของท่าน ตามระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

12. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด

ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย บริษัทอาจส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมทางการตลาด ผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการอื่นๆ ของบริษัท ที่คาดว่าท่านอาจสนใจ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ท่านที่ได้รับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมีสิทธิขอยกเลิกความยินอมในการรับข่าวสารได้ทุกเมื่อตามช่องทาง ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารดังกล่าว

  1. ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายที่บริษัทใช้สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยรวมถึงทรัพย์สินของท่าน ปกป้องอาคารสถานที่และทรัพย์สินจากความเสียหาย ความขัดข่อง การทำลาย และจากอาชญากรรมอื่นๆ ทั้งนี้ บริษัทจะติดตั้งกล้องในพื้นที่ที่สามารถเห็นได้โดยง่ายในบริเวณพื้นที่ของบริษัทตลอด 24 ชั่วโมง และจะไม่มีการบันทึกเสียงของท่าน รวมถึงจะไม่ติดกล้อง CCTV ในพื้นที่บริเวณห้องน้ำ

บริษัทจะติดตั้งป้ายเพื่อแจ้งเตือนการทำงานของกล้อง CCTV ที่จุดทางเข้า-ออก ประตูของบริษัท เพื่อให้ท่านทราบว่าในบริเวณของบริษัทมีกล้อง CCTV ทำงานอยู่เพื่อบันทึกภาพของท่าน

  1. เว็บไซด์และคุกกี้

นโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับการให้บริการของบริษัท และการใช้งานเว็บไซด์ (website) ของบริษัทเท่านั้น หากท่านได้กดไฮเปอร์ลิงค์ (Hyperlinks) หรือลิงค์ (Link) ไปยังเว็บไซด์อื่น โดยผ่านช่องทางในเว็บไซด์ของบริษัท ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฎในเว็บไซด์นั้นๆ แยกต่างหากจากบริษัท

การใช้คุกกี้ (cookies) จะทำให้ท่านได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการผ่านเว็บไซด์ของบริษัท เพราะคุกกี้(cookies) จะช่วยจดจำเว็บไซด์ที่ท่านแวะหรือเยี่ยม ทั้งนี้ บริษัท อาจนำข้อมูลที่คุกกี้ได้บันทึกหรือเก็บรวบรวมไว้ไปใช้ในกรณี ดังต่อไปนี้

(1) เพื่อให้ระบบแสดงข้อมูลหรืออนุญาตให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าถึงบริการบางอย่างได้ เช่น การแจ้งหรือส่งคำสั่งให้กับบริษัทดำเนินการสอบถามข้อมูลกรมธรรม์ หรือการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน (password), อีเมล (email address) และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ (mobile phone) เป็นต้น

(2) เพื่อให้บริษัทสามารถนำเสนอข่าวสารหรือประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบริษัท และบริการที่เป็นประโยชน์ต่อท่านตามความเหมาะสม

(3) เพื่อให้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการปรับปรุงเนื้อหาและบริการของเว็บไซด์ให้สอดคล้องกับความต้องการของท่านมากที่สุด

  1. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม หรือปรับปรุงนโยบายฉบับนี้เท่าที่กฎหมายอนุญาตให้สามารถทำได้ หากเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญหรือวัตถุประสงค์ใหม่บริษัทจะแจ้งการแก้ไข การเปลี่ยนแปลง หรือการปรับปรุงให้ทราบผ่านทางเว็บไซด์ของบริษัท หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทใช้สำหรับติดต่อสื่อสารกับท่าน ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา

  1. ช่องทางการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกรุณาติดต่อ

     รายละเอียดของบริษัทฯ

ชื่อบริษัท                   :  บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

849 อาคารวรวัฒน์ ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

ช่องทางการติดต่อ     :  โทร. 02-022-5000

เวลาทำการบริษัท      :  เปิดทำการ ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08:30 – 17:00 น.

ปิดทำการ ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

Website                     :  www.philliplife.com

อีเมล                           :  crc@philliplife.com

 

      รายละเอียดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)

ชื่อ – สกุล                  : นายสมพงษ์  นามเจริญชัยสุข

ที่อยู่                            :  บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

849 อาคารวรวัฒน์ ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

ช่องทางการติดต่อ       :  โทร. 02-022-5000

เวลาทำการบริษัท        :  เปิดทำการ ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08:30 – 17:00 น.

ปิดทำการ ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

อีเมล                              :  dpo@philliplife.com

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า